เมื่อเจ้าตัวเล็กเป็นหวัด

เมื่อเจ้าตัวเล็กเป็นหวัด


โรคหวัด เรียกว่า เกิดมาคู่กับเด็กเล็กเลยก็ว่าได้...

   เมื่อเด็กเล็กเป็นไข้หวัด มักต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานกว่าผู้ใหญ่ เวลาที่สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง บางทีอากาศแห้งหรืออากาศชื้น เด็กเล็กร่างกายบอบบาง ทำให้เกิดอาการแพ้ง่าย ร่างกายจึงมีการตอบสนองโดยสร้างน้ำมูกออกมา ป้องกันมิให้ช่องทางเดินหายใจแห้งเกินไป และเด็กเล็กไม่สามารถ จะช่วยเหลือตัวเองที่จะสั่งน้ำมูกออกมาเองได้ ทำให้ทางเดินหายใจติดขัด ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ 


การสังเกตว่าเด็กเป็นหวัด..

   เมื่อเด็กเล็กเริ่มเป็นหวัดมักมีน้ำมูกใสไหลออกมาและมีอาการแน่น คัดจมูก หายใจไม่สะดวก ไอ จาม และมักมีตัวร้อนร่วมด้วย อาจมีอาเจียน คลื่นไส้ ร้องกวน เบื่ออาหาร และไม่ยอมดูดนม ส่วนในเด็กโตอาจมีเพียงไข้ต่ำๆ รู้สึกร้อนในจมูก คอแห้ง หรือเจ็บคอ ไอ จาม คัดจมูก และมีน้ำมูกใส

   การดูแลเด็กที่เป็นโรคหวัดนั้น โดยทั่วไปเป็นการดูแลตามอาการ การดูแลเบื้องต้นเมื่อพบว่าเด็กเป็นหวัดในระยะแรก ได้แก่ การเช็ดตัวระบายความร้อนในร่างกาย โดยเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นนาน 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิร่างกายของเด็ก หากไข้ไม่ลดใน 24 ชม. ต้องรีบพามาพบแพทย์ และให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้โดยเฉพาะในเด็กทารากไม่ควรซื้อยาใช้เอง เนื่องจากเราจะไม่ทราบปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการรักษา ทั้งยังอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ทำให้เป็นอันตรายได้ และไม่ควรให้ยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน เนื่องจากต้องได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ เพราะหากรับแอสไพรินเข้าไปจะทำให้เด็กเป็นอันตรายได้

การดูแลเด็กเป็นหวัดที่บ้าน

   โรคหวัดเป็นโรคที่พ่อแม่ดูแลเองได้ แต่ต้องคอยระวังโรคแทรกซ้อนและคอยสังเกตการหายใจ โดยทำได้ดังนี้


ลดไข้ - เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นนาน 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิร่างกายของเด็ก ให้ยาลดไข้ห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมงในเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 เดือน หากไข้ลดก็ไม่จำเป็นต้องกินยา


ระบายน้ำมูก/ลดน้ำมูก - การลดน้ำมูกเพื่อให้โพรงจมูกโล่ง ช่วยให้เด็กสามารถหายใจได้ดี ในทารกถือเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากมีน้ำมูกอุดตันทางเดินหายใจหรือรูจมูกอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต สามารถทำได้หลายวิธี (ดูเพิ่มเติม น้ำมูกในเด็กเล็ก)


ให้ยาลดไข้และยาลดน้ำมูกที่ปราศจากแอสไพริน และแอลกอฮอลล์ - ให้เด็กหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไข้หวัดมักหายได้เองภายใน 1-5วัน ไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากเป็นหวัดหลายวัน แล้วกลับมามีไข้ขึ้นควรนึกว่าอาจมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งต้องขอคำปรีกษาจากแพทย์


     ***พร้อมทั้งให้งดอาบน้ำ ควรเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น ดื่มน้ำอุ่นให้เพียงพอ ถ้ายังมีไข้สูงหลังจากให้ยา 24 ชั่วโมง ต้องพาลูกไปให้แพทย์ตรวจ อาจจะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพราะ อาจมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ปวดหู - หูชั้นกลางอักเสบ หรือ อาจเกิดหูน้ำหนวก ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวมได้ ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

การป้องกันโรคหวัด ควรปฏิบัติ ดังนี้


1. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อโรคได้ง่าย
     - เด็กเล็กๆ ไม่ควรคลุกคลีกับผู้ป่วยที่สามารถแพร่เชื้อ
     - ไม่พาเด็กเล็กไปสถานที่แออัด
     - หลีกเลี่ยงมลพิษ เช่น ควันไฟ ควันบุหรี่
     - ไม่กระทบความเย็นจัด หรือร้อนจัด


2. เพิ่มภูมิต้านทานให้เด็กแข็งแรง
     - เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
     - กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
     - ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข
     - ให้เด็กออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 





ที่มา http://www.bpafreebabyshop.com

ความคิดเห็น