สาเหตุของทารกคลอดน้ำหนักตัวน้อย
1. สาเหตุจากมารดา• มารดาอายุน้อยกว่า 18 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
• มีการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ เช่น การติดเชื้อที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ,ทางเดินปัสสาวะ , ไส้ติ่งอักเสบ
• โรคที่มารดาเป็นอยู่เดิม เช่น โรคหัวใจ , โรคไต , โรคเลือด
• ภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ เช่นครรภ์เป็นพิษ
• พฤติกรรมของมารดา เช่น การสูบบุหรี่, การดื่มสุรา,การเสพยาเสพติด การใช้ยา
• ภาวะทุพโภชนาการ ซีด
• ความผิดปกติของมดลูก2. สาเหตุจากรก• รกลอกตัวก่อนกำหนด ,รกเกาะต่ำรกเสื่อม, เป็นเนื้องอก, รกมีขนาดเล็ก
3. สาเหตุจากตัวเด็ก • การติดเชื้อในครรภ์, หัดเยอรมัน ,ซิฟิลิส
• ครรภ์แฝด
• ความผิดปกติของโครโมโซม
• ความพิการแต่กำเนิด
ปัญหาที่พบบ่อย1. ระบบทางเดินหายใจ เนื่องจาก
ขาดสารเคลือบผิวปอดเพื่อช่วยในการยืดหยุ่น ของถุงลมปอด ซึ่งจะสร้างเมื่อตั้งครรภ์ 26 – 35 สัปดาห์ ทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
2. ระบบหายใจและหลอดเลือด เนื่อง
จากปริมาตรของเลือดต่อน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก จึงเกิดภาวะน้ำหนักเกินขณะเดียวกันกล้ามเนื้อ หัวใจ ยังทำงานไม่เต็มที่ จึงทำให้หัวใจล้มเหลวและลิ้นหัวใจรั่วได้
3. การควบคุมอุณหภูมิของร่างกายไม่ดีเนื่องจากมีพื้นที่ผิวกายต่อน้ำหนักตัวมาก,ผิวหนังบาง, ไขมันใต้ผิวหนังน้อย ทำให้สูญเสียความร้อนได้ง่าย4. ระบบประสาทโครงสร้างของกะโหลกศีรษะยังไม่ดีเส้นเลือดฝอยเปราะบาง ฉีกขาดง่าย ทำให้เลือดออกในสมองได้
5. ระบบทางเดินอาหาร ระบบการย่อยที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้การย่อยและการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ยังไม่ดีพอ และการขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้ลำไส้อักเสบได้
6. ระบบไต ระบบการกรองไม่ดี เมื่อมีภาวะน้ำเกินทำให้บวมได้ง่าย
7. ระบบเผาผลาญสารอาหาร มีการสะสมไขมันต่ำ ถ้าได้รับสารอาหารไม่พอ แต่ต้องใช้พลังงานมาก ทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดต่ำได้ อนึ่งตับยังทำงานไม่ดี เกิดตัวเหลืองได้ง่าย
8. ภาวะซีด เนื่องจากอายุเม็ดเลือดแดงสั้นกว่าปกติ
9. พิษของการให้ออกซิเจน เช่น ปอดเรื้อรัง และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตาผิดปกติ
10. ระบบภูมิต้านทาน ระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่ได้เต็มที่ จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
11. ความพิการ เนื่องจากป่วยนาน ทำให้การเจริญเติบโต และพัฒนาการล่าช้า หรือมีความพิการ
12. ปัญหาทางด้านจิตใจ เนื่องจากได้รับการรักษานาน ทำให้ขาดความผูกพักจากบิดา – มารดา
การดูแลรักษา1. ให้ออกซิเจนถ้าสามารถหายใจเองได้ หรือถ้าระบบหายใจล้มเหลว ให้เครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็ก และให้สารเคลือบผิวสังเคราะห์แทน
2. ให้สารน้ำในปริมาตรน้อยในวันแรกและค่อย ๆ เพิ่มตามความต้องการของทารก
3. ดูแลให้อบอุ่นเสมอ ถ้าจำเป็นต้องนำเด็กเข้าตู้อบ หรือเครื่องแผ่รังสีความร้อน
4. การให้นม ควรงดน้ำงดอาหารจนกว่าพ้นภาวะป่วยหนัก จึงเริ่มให้นมทีละน้อยถ้าสามารถรับได้จึงให้ในปริมาณและแคลอรี่ที่เพียงพอ ต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอควรให้ที่ละน้อยแต่บ่อยครั้งเพื่อการดูดซึมจะได้สมบูรณ์
5. การป้องกันการติดเชื้อ ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษโดยการล้างมือก่อนและหลังสัมผัสทารกทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่ต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องเน้นเทคนิคปราศจากเชื้อ
6. ดูแลให้ได้รับการส่องไฟรักษา ถ้าทารกตัวเหลืองป้องกันภาวะชัก ทำให้สมองสูญเสียหน้าที่ได้
7. ดูแลให้ได้รับยาปิดลิ้นหัวใจ และระวังภาวะแทรกซ้อนจากยา เช่น เลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ ปัสสาวะออกน้อยลง
8. ดูแลให้เม็ดเลือดแดงอัดแน่น ถ้าซีดและให้ได้รับธาตุเหล็กตามความจำเป็น
9. ดูแลฟื้นฟูสภาพปอดจากภาวะโรคปอดเรื้อรัง โดยการจำกัดสารน้ำ ยาขับปัสสาวะ ยาขยายหลอดลมและร่วมกับนักกายภาพบำบัดในการเคาะและสั่นสะเทือนปอด เพื่อระบายเสมหะ10. ทารกจะได้รับการตรวจตา เมื่ออายุ 4 – 6 สัปดาห์ และติดตาม ทุก 1 เดือน เพื่อดูความผิดปกติของสายตา และการมองเห็น
11. ทารกจะได้รับการตรวจการได้ยิน ภายใน 1 เดือน และตรวจซ้ำในระยะเข้าโรงเรียนอีกครั้ง
12. ทารกจะได้รับการกระตุ้นพัฒนาการ จากคลินิกกระตุ้นพัฒนาการ สม่ำเสมอ
13. การให้นมในระยะแรก จะให้นมทางสายสวนกระเพาะจนน้ำหนัก มากกว่า 1,500 กรัม จึงให้ดูดนมเองเมื่อน้ำหนักขึ้นดีถึง 1,800 กรัม จึงจำหน่ายกลับบ้าน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น