โภชนาการของเด็กในวัยเรียน

โภชนาการวัยเรียน



            เด็กวัยเรียนมีอายุ   6  –  10  ปีในเด็กผู้หญิง  และ 6 – 12  ปี ในเด็กผู้ชาย อัตราการเจริญเติบโตของเด็กวัยเรียนจะช้ากว่าวัยทารกและวัยก่อนเรียนแต่การเจริญเติบโตจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอความต้องการสารอาหารในเด็กวัยเรียน1. พลังงาน  
เด็กอายุ  7 – 9  ปี ทั้งชายและหญิงควรได้รับพลังงานวันละ 1,600 กิโลแคลอรี่ เด็กอายุ10– 12  ปี  หญิง  ควรได้รับพลังงานวันละ  1,700  กิโลแคลอรี่
2. โปรตีน   
 เด็กอายุ  7 – 9  ปี  ควรได้รับโปรตีนวันละ  20  กรัม   เด็กอายุ  10  –  12  ปี  ควรได้รับโปรตีนวันละ  34  กรัม  และหญิงควรได้รับวันละ  37  กรัม
3. เกลือแร่และวิตามิน    
การไม่ได้รับสารอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเป็นผลให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก และทำให้เกิดโรคหลายชนิด
4. แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส  
เด็กอายุ  10 – 12  ปี  ควรได้รับแคลเซี่ยมวันละ  1,200  มิลลิกรัม
5. วิตามินดี  
ถ้าร่างกายขาดวิตามินดี การสร้างกระดูกจะเสียไป  เป็นผลทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็ก
6. ไอโอดีน  เด็กอายุ   7  – 9 ปี  ควรได้รับ
วันละ  120  ไมโครกรัม  และวัย  10 – 12  ปี  ควรได้รับวันละ  150  ไมโครกรัม
7. สังกะสี 
 ร่างกายต้องการประมาณวันละ  10  มิลลิกรัม
ปัจจัยมีผลต่อการบริโภคอาหารของเด็กวัยเรียน1. สิ่งแวดล้อมในครอบครัว  การสร้างบรรยากาศที่ดีในเวลารับประทานอาหารนับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลต่อการบริโภคอาหารของเด็ก
2. ข่าวสารต่าง ๆ สำหรับเด็กวัยเรียน  การโฆษณาสินค้าทางโทรทัศน์  จะเป็นช่องทางที่ประสบความสำเร็จมาก
3. สังคมเพื่อน  ที่ดี คือ  สังคมเพื่อนอาจจะช่วยพัฒนาทัศนะคติที่ดีต่ออาหาร และการเลือกอาหาร ข้อเสีย  คือ  การปฏิเสธไม่บริโภคอาหารหรือการเลือกรับประทานอาหารที่อยู่ในความนิยม
4. การจัดการบริการอาหารในโรงเรียน  ผู้ที่รับผิดชอบต่อการเลี้ยงดูเด็กตามสถานประกอบการควรคำนึงถึงการจัดอาหารในด้านความสะอาดและให้มีคุณภาพ
5. ความเจ็บป่วย  มักจะมีความอยากอาหารลดน้อยลง  และมีความจำกัดในเรื่องปริมาณอาหารที่บริโภค
ปัญหาโภชนาการของเด็กวัยเรียน
1. การขาดโปรตีนและพลังงานการขาดโปรตีนและ
พลังงาน ทั้งในเด็กที่อยู่ในชนบท และเด็กที่อยู่ในเมืองแต่ลักษณะความรุนแรงของปัญหาจะแตกต่างกันไป
2. ภาวะโลหิตจาง ภาวะโลหิตจาง อาจเกิดจาธาตุ
เหล็กวิตามินบางชนิด    หรือผลจากการเป็นโรคบาง
ชนิดเด็กในชนบทจะมีภาวะโลหิตจางมากกว่าเด็กในเมือง และพบมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
3. การขาดสารไอโอดีน การขาดสารไอโอดีน
จะเป็นลักษณะของโรคคอพอก อัตราของโรคคอพอกจะเพิ่มขึ้นเมื่อายุเพิ่มขึ้นเด็กนักเรียนที่เป็นโรคนี้จะมีผลการเรียนและสติปัญญาต่ำกว่าเด็กที่ไม่เป็นคอพอก
อาหารสำหรับเด็กวัยเรียน
  
การจัดอาหารสำหรับเด็กวัยนี้  ควรให้กินอาหารเหมือนผู้ใหญ่ทุกอย่าง นอกจากอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต และไขมันสูง และอาหารที่มีรสจัด  เด็กวัยนี้ความอยากอาหารดีมากแต่ไม่ชอบกินผัก  ควรให้กินผลไม้ให้มากขึ้น  เด็กวัยนี้ชอบกินอาหารกับเพื่อนเป็นหมู่หรือกลุ่ม ชอบเลียนแบบผู้ใหญ่   จึงเป็นการเหมาะสมที่จะหัดนิสัยในการกินของเด็กให้รู้จักเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  ผู้ใหญ่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องการกิน  และคอยอบรมให้เด็กคำนึงถึงความสะอาด  และมารยาทในการกินให้มากตัวอย่างอาหารสำหรับเด็กวัยเรียนใน 1 วันอาหารเช้า  -   ข้าวต้มหมู  - ไข่  1 – 1 ½ ถ้วยตวง
                   -  กล้วยหอม   1   ลูก
อาหารว่าง  -  นมสด     1   แก้ว
                   -  เค้ก         1  ชิ้น
อาหารกลางวัน    - บะหมี่-เกี๊ยวหมูแดง 1 ถ้วย
                          - ฟักทองแกงบวด 1 ถ้วยเล็ก
อาหารว่าง           -  นำส้มคั้น  1  แก้ว
                            -   ตะโก้   1  ชิ้น
อาหารเย็น           -  ข้าวสุก   1 – 1  ½    ถ้วย
                           -  ไก่ผัดขิง   1   ถ้วย
                           - แกงจืดเต้าหู้อ่อนหมูสับ 1 ถ้วย
                           - แอปเปิ้ล  1  ผล


ที่มา http://www.sappasit.go.th

ความคิดเห็น