การพัฒนาสมองของลูกน้อย เนื่องจากเด็กมีระบบการเรียนรู้ที่สุดจะมหัศจรรย์ เพราะเพียงแค่เห็น เด็กก็สามารถที่จะทำตามได้ โดยไม่ต้องมีการเรียนรู้อื่นใดช่วยเลย (คุณลองอธิบายวิธีการยืนสิครับ คุณสอนลูกให้ยืนอย่างไร ความจริงคือ คุณไม่ได้ทำอะไรเลย) แต่เราก็ยังคงมีหน้าที่ช่วยให้เด็กแสดงความสามารถในการเรียนรู้ออกมาได้อย่างเต็มที่ โดย
ความเข้าใจว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้จากทุกกิจกรรมที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นการกิน เล่น การหอม หรือแม้แต่การขับถ่าย เป็นการเรียนรู้ของเด็กทั้งสิ้น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นที่จะต้องหากิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ 100% หากแต่คุณให้ความสำคัญกับทุกการเรียนรู้ของเด็ก
คุยกับเด็กให้มากที่สุด เพื่อให้เด็กได้มีพัฒนาการด้านภาษามากขึ้น รวมถึงการอ่านหนังสือให้เด็กฟังด้วย แน่นอนว่าการร้องเพลงก็มีส่วนสำคัญมากในการพัฒนาด้านภาษาของเด็ก
การออกไปข้างนอกเพื่อให้เด็กได้เห็นสิ่งที่แปลกจากปกติในบ้าน จะช่วยให้เด็กมีการพัฒนาด้านจิตนาการ และพัฒนาประสาทสัมผัสมากขึ้น (อย่าลืมให้เด็กได้มีโอกาสจับสิ่งต่างๆบ้าง แต่ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก)
หาโอกาสให้เด็กได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้เด็กได้มีการพัฒนาการควบคุมร่างกาย รวมทั้งความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ และหากมีเด็กอื่นในวัยใกล้เคียงกันเล่นด้วยกัน ก็จะช่วยในด้านการเข้าใจตัวเอง และการเข้าสังคมของเด็กด้วย (แน่นอนว่า เด็กจะมีปฏิกิริยากับเด็กอื่นต่างๆกันไป บางคนอาจจะกลัวไม่กล้าเล่นด้วย บางคนก็จะแกล้งเด็กคนอื่น พ่อแม่จะต้องให้ความสนใจและหากเป็นไปได้ควรปล่อยให้เด็กได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่เหมือนเดิมที่สำคัญที่สุด ความปลอดภัยต้องมาก่อน)
ของเล่นสำหรับเด็กก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ควรเลื่อกให้เหมาะกับเด็ก เช่นเด็กอายุ 6 เดือนอาจจะชอบเล่นกระจก เพราะมองเห็นตัวเองในอีกด้านของกระจก ในขณะที่หากเด็กอายุ 1 ปีจะไม่พบว่ามันสนุกอีกต่อไป หรือเด็กอายุ 3 เดือน ก็ยังไม่สามารถมองเห็นเงาในกระจกได้ชัด จึงควรเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับวัยของเด็กด้วย
ส่วนสำคัญในการเรียนรู้คือ ทั้งพ่อแม่ และเด็กจะต้องมีความสุขในการทำกิจกรรมต่างๆ เพราะหากเด็กไม่มีความสุขในการทำกิจกรรมใดๆ เด็กก็แทบจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากกิจกรรมนั้นๆ ดังนั้น หากพ่อแม่สังเกตุเห็นว่าเด็กหมดความสนใจในการเรียนรู้กิจกรรมใดๆแล้ว จงรู้จักหยุด และมองหากิจกรรมใหม่ให้เด็กได้เรียนรู้จะดีกว่า
หากต้องการให้เด็กมีความสามารถในภาษาที่สอง จงเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุต่ำกว่า 3 ปีเพราะเด็กจะมีความสามารถในการเรียนรู้ และแยกแยะเสียงได้ดีที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
ความเข้าใจว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้จากทุกกิจกรรมที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นการกิน เล่น การหอม หรือแม้แต่การขับถ่าย เป็นการเรียนรู้ของเด็กทั้งสิ้น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นที่จะต้องหากิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ 100% หากแต่คุณให้ความสำคัญกับทุกการเรียนรู้ของเด็ก
คุยกับเด็กให้มากที่สุด เพื่อให้เด็กได้มีพัฒนาการด้านภาษามากขึ้น รวมถึงการอ่านหนังสือให้เด็กฟังด้วย แน่นอนว่าการร้องเพลงก็มีส่วนสำคัญมากในการพัฒนาด้านภาษาของเด็ก
การออกไปข้างนอกเพื่อให้เด็กได้เห็นสิ่งที่แปลกจากปกติในบ้าน จะช่วยให้เด็กมีการพัฒนาด้านจิตนาการ และพัฒนาประสาทสัมผัสมากขึ้น (อย่าลืมให้เด็กได้มีโอกาสจับสิ่งต่างๆบ้าง แต่ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก)
หาโอกาสให้เด็กได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้เด็กได้มีการพัฒนาการควบคุมร่างกาย รวมทั้งความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ และหากมีเด็กอื่นในวัยใกล้เคียงกันเล่นด้วยกัน ก็จะช่วยในด้านการเข้าใจตัวเอง และการเข้าสังคมของเด็กด้วย (แน่นอนว่า เด็กจะมีปฏิกิริยากับเด็กอื่นต่างๆกันไป บางคนอาจจะกลัวไม่กล้าเล่นด้วย บางคนก็จะแกล้งเด็กคนอื่น พ่อแม่จะต้องให้ความสนใจและหากเป็นไปได้ควรปล่อยให้เด็กได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่เหมือนเดิมที่สำคัญที่สุด ความปลอดภัยต้องมาก่อน)
ของเล่นสำหรับเด็กก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ควรเลื่อกให้เหมาะกับเด็ก เช่นเด็กอายุ 6 เดือนอาจจะชอบเล่นกระจก เพราะมองเห็นตัวเองในอีกด้านของกระจก ในขณะที่หากเด็กอายุ 1 ปีจะไม่พบว่ามันสนุกอีกต่อไป หรือเด็กอายุ 3 เดือน ก็ยังไม่สามารถมองเห็นเงาในกระจกได้ชัด จึงควรเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับวัยของเด็กด้วย
หากต้องการให้เด็กมีความสามารถในภาษาที่สอง จงเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุต่ำกว่า 3 ปีเพราะเด็กจะมีความสามารถในการเรียนรู้ และแยกแยะเสียงได้ดีที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น