เมื่อเด็กอายุมากขึ้น มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น จะมีช่วงเวลาที่เป็นช่วงต่อต้านของเด็ก "Terrible twos" โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่เด็กอายุประมาณ 2 ปี ดังนั้นตั้งแต่ครบวันเกิดปีแรกเป็นต้นไป พ่อแม่จะพบว่า เด็กมักจะชอบพูดคำว่า "ไม่ ไม่ ไม่" ในเกือบจะทุกเรื่อง
โดยในช่วงนี้เด็กมักจะมีอารมย์แปรปวน เพราะเด็กเองก็ยังไม่สามารถที่จะควบคุมอารมย์ได้ดี ดังนั้นพ่อแม่จึงควรเข้าใจว่าเป็นสภาวะปกติของพัฒนาการในตัวเด็ก ไม่ใช่ว่าเด็กเป็นเด็กไม่ดี หรือไม่เชื่อฟัง เพราะเด็กเพียงแต่ต้องการแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา แต่ยังไม่สามารถถ่ายทอดความคิด หรืออารมย์ได้ดีพอเท่านั้น
เมือเด็กไม่สามารถแสดงความต้องการของตัวเองได้อย่างที่ตัวเองต้องการ ก็มักจะแสดงออกด้วยการ กรีดร้อง ทุบตี กระทืบเท้า โดยพ่อแม่ไม่ควรให้ความใส่ใจในการแสดงออกแบบนี้มากเกินไป เพราะเมือเด็กได้เรียนรู้ว่าไม่สามารถได้รับสิ่งที่ต้องการในวิธีนี้ เด็กก็จะค่อยๆเรียนรู้ที่จะแสดงออกในรูปแบบอื่น (ที่ดีกว่า) แทน
สื่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อช่วยให้เด็ก (และตัวพ่อแม่เอง) ผ่านช่วงต่อต้านไปได้อย่างสะดวกขึ้นคือ
1.) พยายามทำสิ่งต่างๆให้เป็น ตารางเวลา (Routine) เช่นเวลากินอาหาร เวลานอน เวลาเล่นของเล่น เวลาเล่านิทาน เพื่อให้เด็กเกิดความคุ้นชิน แล้วเด็กจะไม่งอแงขอเล่นในเวลาที่ไม่ใช่เวลาเล่น
2.) พยายามให้เด็กได้มีส่วนเลือกในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นให้เลือกว่าจะกินสัม หรือ แอ๊ปเปิล หรือเลือกหมอนที่จะนอน (ถ้าหากมีหลายใบ) เพราะเด็กสามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้ผ่านการเลือก
3.) พยายามสร้างเขตการตัดสินใจของเด็ก (Limit) โดยปกติเด็กมักจะพยายามทดสอบขอบเขตดังกล่าวอยู่เสมอ เช่นกำหนดเวลาให้เล่นได้ ครึ่งชั่วโมง เมื่อเรียกเด็กจะไม่สนใจ เราจำเป็นจะต้องเก็บของเล่นขึ้น (เด็กจะทดสอบว่าหากไม่อยู่ในขอบเขตที่กำหนดมาจะเกิดอะไรขึ้น) เมือทำไปสักพักเด็กจะเรียนรู้ที่จะมีความเคารพในขอบเขตดังกล่าว
จำไว้ว่าเด็กทุกคนจะต้องมีช่วงเวลาการต่อต้าน แต่จะมากน้อย และเลิกเมื่อไหร่นั้น (สำหรับบางคนอาจจะติดเป็นนิสัยไปเลยก็ได้) ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของพ่อแม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น