
1.) เน้นสร้างบรรยากาศให้คลื่นสมองต่ำ
2.) เน้นสร้างพัฒนาการเซลส์สมองเด็ก
3.) เน้นสร้างภาพด้านบวกให้กับเด็ก
4.) เน้นการสร้างตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก
5.) เน้นการให้ความรักกับเด็ก
คลื่นสมองต่ำคือ สภาวะที่จิตอยู่ในลักษณะผ่อนคลายที่สุด ไร้ความเครียดและกังวล เพราะสภาวะจิดใจเช่นนั้น จะทำให้คนเราเกิดการเรียนรู้ และใช้ศักยภาพของตัวเองได้สูงที่สุด ดังนั้นเราจึงสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุด เมื่อเรามีความสุข ความสบายใจ หรือ สภาวะคลื่นสมองต่ำ
ลักษณะคลื่นสมองแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 2 กลุ่ม คือ
1.) คลื่นเบต้า มีความถี่คลื่นสมองอยู่ที่ 13 - 40 รอบต่อวินาที อันเป็นลักษณะของคนที่มีความเครียดอยู่สูง ในสภาวะเช่นนี้คน จะเรียนรู้ได้ช้า และไม่มีความสุข
2.) คลื่นสมองอัลฟา มีความถี่คลื่นสมองอยู่ที่ 8 - 13 รอบต่อวินาที อันเป็นลักษณะคลื่นสมองของคนที่มีความสงบในจิตใจ ในสภาวะเช่นนี้คนจะเรียนรู้ได้เร็ว จดจำได้ดี และมีความสุข

การพัฒนาเซลส์สมอง โดยเด็กแทบทุกคนเกิดมาด้วยจำนวนเซลส์สมองที่ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่จะกำหนดความฉลาดของแต่ละคนนั้นคือ เซลส์ประสานประสาท (Synapse) โดยหากยิ่งมีเซลส์ประสานประสาทมากขึ้นเท่าใด การทำงานของสมองก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น กล่าวง่ายๆคือ ความคิดที่ว่องไว เฉียบคม และความจำที่ดี มีผลมาจากการที่มี เซลส์ประสานประสาทที่่มากนั้นเอง สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือ เซลส์ประสานประสาทที่มีความหมายมากมายนี้ พัฒนามากกว่า 80% ในช่วงต้นของชีวิต (ปฐมวัย)
การพัฒนาเซลส์สมองสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การออกกำลังกายที่ได้ฝึกการใช้มือและเท้ามากๆ เช่นการเต้นแอโรบิค การว่ายน้ำเป็นต้น นอกจากนี้การฝึกใช้จิตนาการของสมองโดยตรง เช่นงานศิลปะ การปั้นแป้ง ดนตรี ร่วมไปถึงการฝึกที่เป็นวิชาการเช่นคณิตศาสตร์ ภาษา ล้วนมีส่วนในการพัฒนาการของเซลส์สมองทั้งสิ้น
การสร้างภาพพจน์ด้านบวกให้กับเด็ก คือการสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับตัวเด็กเอง เช่นรู้สึกว่าตัวเองมีความเก่ง มีความสามารถ ดูดี สิ่งต่างๆเหล่านี้จะรวมกันเป็นความมั่นใจ ซึ่งจะทำให้เด็กพร้อมเมื่อจะต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จลุล่วง ซึ่งจะต่างจากเด็กที่ไม่มีความมั่นใจ หรือรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างภาพพจน์ด้านบวกให้กับตัวเด็ก เพื่อให้เด็กมีความรู้สึกมั่นใจ และเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง ด้วยวิธีการง่ายๆเช่น การชมเชย การยอมรับ การแสดงความยินดีเมื่อทำบางอย่างสำเร็จ ฯลฯ
การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก เนื่องจากเด็กจะสามารถรับข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็วผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางการมองเห็น มากกว่าสิ่งที่เขาได้ยิน กล่าวคือเด็กๆจะทำตามสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่บอกให้เขาทำ ดังนั้นพฤติกรรมของผู้ใหญ่จึงเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเด็ก โดยหากเด็กอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ที่อารมย์ดี เด็กก็จะมีอารมย์ที่ดีด้วย หรือหากอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ที่สุภาพ มารยาทดี เด็กก็จะมีมารยาทที่ดีด้วยเช่นกัน แต่หากบ้านใดพ่อแม่ติดโทรทัศน์ หรือพูดจาไม่สุภาพ เด็กก็จะมีลักษณะนิสัยที่เหมือนกัน
การให้ความรักเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับเด็กในช่วงต้นของชีวิต สัมผัสที่อบอุ่น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความเข้าใจ การให้อภัย และการให้กำลังใจ จากคนที่อยู่รอบตัวเด็กจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เด็กมีความสุข และมองชีวิตในแง่ดี ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดีได้ หากเติบโตมาด้วยความรัก และมีความสุขตั้งแต่วัยเยาว์
สภาพแวดล้อมเรียน และกิจกรรม การสอนแนวนีโอ-ฮิวแมนนิสต์
-
- แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์สร้างบรรยากาศและกิจกรรมในโรงเรียนด้วยการให้เด็กนั่งสมาธิและเล่นโยคะ เพื่อให้เด็กอยู่ในภาวะคลื่นสมองต่ำมากที่สุด เพราะจะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ดีตามมา
- แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์พูดคุยเรื่องข่าวสารเหตุการณ์ต่างๆ และร้องเพลงร่วมกัน เรียนรู้เรื่องของคุณค่าชีวิตในด้านต่างๆ เช่น ความสงบ ความกล้าหาญ และความสนุกสนาน ผ่านการเล่นเกมส์
- แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์เรียนรู้เกี่ยวกับหลักศีลธรรมและท่องจำเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยสามารถอธิบาย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักศีลธรรม และประเมินผลการกระทำของตนเองได้
- แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ให้เด็กมีโอกาสทำกิจกรรม เช่น ทำงานอาสาสมัคร ร่วมงานเทศกาลในหมู่บ้าน ไปทัศนศึกษา เพื่อให้เกิดแรงเสริมต่อการเรียนรู้ เป็นรางวัลจากการค้นพบการเรียนรู้เอง
- แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์เรียนรู้ระบบนิเวศวิทยา ชีววิทยา วิทยาศาสตร์ การเกษตร และภูมิศาสตร์ จากการทำสวน ให้เด็กได้ดูแลต้นไม้ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ได้อยู่กับธรรมชาติ ฤดูกาล และได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่โดยรอบ
- แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย
- แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ให้กำลังใจ ให้รางวัล ด้วยการคิดและพูดในสิ่งที่ดีอยู่เสมอ
-
สิ่งที่เด็กจะได้รับจากแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์
โรงเรียนแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะช่วยพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกให้เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยใช้กิจกรรมเพื่อพัฒนาในทุกด้านของชีวิต ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) จะทำให้คนเรามีความสุขในชีวิตได้ง่าย มุ่งมั่นในการกระทำจนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ มุ่งพัฒนา อัจฉริยภาพในตัวเด็กทุกคนให้ปรากฏออกมามากที่สุด โดยจะพัฒนาเด็กให้เป็นคนสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจด้วย
ที่มา อนุบาลในดวงใจ ;http://schoolzone.momypedia.com/article_interview-16/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น